อาการไม่พึงประสงค์ ส่วนรายงานเรื่องอาการไม่พึงประสงค์ นั้น ตามรายงานของ The New England Journal of Medicine ระบุว่า มีอาการเจ็บปวดบริเวณที่ฉีด ปวดศีรษะ และปวดเมื่อยตามร่างกาย เมื่อฉีดเข็มแรกประมาณ 53% ส่วนเมื่อฉีดเข็มสอง อยู่ที่ประมาณ 76% และยังไม่พบผลข้างเคียงในระดับรุนแรง 5. ราคา The Observer สื่อของสหราชอาณาจักร รายงานว่า ตามข้อตกลงที่โนวาแวกซ์ อิงค์ ลงนามกับ รัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จะมีการผลิตและส่งมอบวัคซีน 100 ล้านโดส มูลค่ารวม 1, 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้มีการประเมินว่า ราคาขายต่อโดสของ วัคซีนโนวาแวกซ์ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 16 ดอลลาร์สหรัฐ 6. คำสั่งซื้อ ปัจจุบันมีรายงานว่า วัคซีนโนวาแวกซ์ได้รับคำสั่งซื้อจาก ประเทศสหรัฐอเมริกา 100 ล้านโดส, สหราชอาณาจักร 60 ล้านโดส, แคนาดา 52 ล้านโดส, ออสเตรเลีย 51 ล้านโดส, ญี่ปุ่น 150 ล้านโดส, สหภาพยุโรป 200 ล้านโดส นอกจากนี้ โนวาแวกซ์ อิงค์ ยังได้ให้คำมั่นว่า จะเริ่มต้นทยอยการส่งมอบวัคซีนให้กับโครงการ Covax เพื่อกระจายการเข้าถึงวัคซีนให้กับกลุ่มประเทศยากจนและกำลังพัฒนา ภายในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 ด้วย อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ
1% และมีประสิทธิภาพต่อสายพันธุ์แอฟริกาใต้ (B. 1. 351) ได้ถึง 51. 0% ส่วนการทดลองเฟสที่ 3 ที่อังกฤษ ในอาสาสมัครมากกว่า 15, 000 คน อายุระหว่าง 18-84 ปี (27% เป็นผู้มีอายุมากกว่า 65 ปี) พบว่ามีประสิทธิภาพในการ ป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการ 89. 3% โดยผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์อังกฤษ (B. 7) เมื่อเปรียบเทียบกับผลการทดลองข้างบนถือว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่ามาก เพราะ B. 351 เป็นสายพันธุ์ที่สามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันได้มากกว่า ล่าสุด (14 มิถุนายน) บริษัทเผยแพร่ผลการทดลองเฟสที่ 3 ผ่านสื่อมวลชน (ยังไม่ตีพิมพ์) ซึ่งทดลองในสหรัฐฯ และเม็กซิโก ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2563 ถึง 30 เมษายน 2564 ในอาสาสมัครกว่า 30, 000 คน อายุ 18 ปีขึ้นไป (13% เป็นผู้มีอายุมากกว่า 65 ปี) พบว่ามีประสิทธิภาพ ป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการ 90. 4% ป้องกันอาการปานกลางถึงรุนแรง 100% ป้องกันไวรัสที่มีการกลายพันธุ์ 93. 2% โดยเป็นการวิเคราะห์รวมทุกสายพันธุ์ที่กังวล (VoC) และสายพันธุ์ที่สนใจ (VoI) ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ B. 7 สำหรับความปลอดภัย พบว่าผลข้างเคียงส่วนใหญ่ไม่รุนแรง แต่เข็มที่ 2 พบผลข้างเคียงเป็นสัดส่วนมากกว่า เช่น กดเจ็บหรือปวดบริเวณที่ฉีด 60% (เข็มแรกพบประมาณ 30-50%) อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะประมาณ 40% (เข็มแรกพบประมาณ 20% และไม่ต่างกับกลุ่มควบคุม) ส่วนผลข้างเคียงรุนแรงพบจำนวนน้อยและพบใกล้เคียงกันในกลุ่มที่ได้รับวัคซีนและกลุ่มควบคุม ข้อดี-ข้อจำกัดของวัคซีน ในแนวทางการให้วัคซีนโควิด-19 ของกรมควบคุมโรค นพ.
4 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการทดสอบเฟสที่ 3 ในสหราชอาณาจักร ผลปรากฏว่าวัคซีนสามารถป้องกันโรคได้ 89.
4% (95% CI: 73. 8, 99. 5) ต่อไวรัสสายพันธุ์ดั้งเดิม และ 86. 3% (95% CI: 71. 3, 93. 5) ต่อไวรัสสายพันธุ์ B. 1. 7/501Y. V1 ซึ่งแพร่ระบาดในสหราชอาณาจักร (วิเคราะห์แบบ post hoc) ส่วนผลลัพธ์หลักด้านประสิทธิภาพปรากฏให้เห็นประสิทธิภาพวัคซีนรวมที่ 89. 7% (95% CI: 80. 2, 94. 6) การทดลองนี้พบผู้ติดเชื้อ 106 คนด้วยกัน แยกเป็น 10 คนในกลุ่มที่ใช้วัคซีน ส่วนอีก 96 คนอยู่ในกลุ่มยาหลอก วัคซีน NVX-CoV2373 มีประสิทธิภาพกับโรคอาการรุนแรง โดยพบผู้ป่วยอาการรุนแรง(1) ทั้งสิ้น 5 คนด้วยกัน และทั้งหมดอยู่ในกลุ่มยาหลอก ในจำนวนเคสรุนแรงนี้เป็นสายพันธุ์ B. V1 อยู่ 4 รายด้วยกัน และเมื่อผ่านไป 14 วันหลังให้ยาโดสแรกแล้ว ประสิทธิภาพของวัคซีนอยู่ที่ 83. 6, 89.